DRT วางกลยุทธ์รุกขยายตลาดใหม่รับมือที่อยู่อาศัยชะลอตัว มุ่งเน้นบริหารต้นทุน

DRT วางกลยุทธ์รุกขยายตลาดใหม่รับมือที่อยู่อาศัยชะลอตัว มุ่งเน้นบริหารต้นทุน ชูสินค้าพร้อมบริการครบวงจร นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์งานก่อสร้างหลากหลาย

“บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT” วางกลยุทธ์รับมือตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว รุกสร้างโอกาสจากการขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ “งานภาครัฐ วัด รีสอร์ท ตลาดผู้สูงอายุ ตลาดสัตว์เลี้ยง” นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบสนองงานก่อสร้างและไลฟ์สไตล์หลากหลายเพื่อผลักดันยอดขายเติบโต พร้อมมุ่งเน้นบริหารต้นทุนรับมือราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น 

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บันได แผ่นพื้นและผนัง SPC อาคารสำเร็จรูป (Diamond Modular) บริการติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2568 ได้วางกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรับมือกับความท้าทายของตลาดที่อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้างในปัจจุบันที่ยังชะลอตัว รวมถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อัตราหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง และความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยจะใช้จุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองการก่อสร้างและไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งมาจากการขยายผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคา สู่กลุ่มไม้สังเคราะห์ อิฐมวลเบา และ DIAMOND SPC SOLUTIONS โดยมีบริการติดตั้งด้วยทีมช่างมืออาชีพพร้อมการรับประกัน รวมถึงจะนำเสนอสินค้าใหม่และขยายตลาดในจังหวัดและหัวเมืองรอง  เพื่อผลักดันยอดขายปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นบริหาร Product Mix และอัตราการเดินเครื่องจักรให้อยู่ในระดับที่ดีเพื่อรับมือต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเพิ่มยอดขายจากการรุกขยายตลาดใหม่ ได้แก่ 1) งานภาครัฐ โดยมีผลิตภัณฑ์กระเบื้องลอนคู่และกระเบื้องจตุลอน ล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่สะท้อนแสงได้ถึง 90% รวมถึงมีแผ่นบอร์ด ยิปซัม และอิฐมวลเบารองรับ 2) วัด ที่มีจำนวนกว่า 43,300 แห่งทั่วประเทศ หากมีการปรับปรุงซ่อมแซม 20% จะคิดเป็น 8,600 แห่ง โดยมีกระเบื้องหลังคาเจียระไน และกระเบื้องหลังคาเซรามิก Emerald รวมถึงสินค้ากลุ่มผนังตอบสนองความต้องการ 3) กลุ่มรีสอร์ทและโรงแรม เป็นตลาดที่มีศักยภาพจากแนวโน้มการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ประเมินว่ามีมูลค่างานปรับปรุงและซ่อมแซมต่อปีสูงถึง 15,000 ล้านบาท 4) ตลาดผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 14 ล้านคน โดยบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์บ้านสำเร็จรูป “DIAMOND MODULAR HOUSE” ที่มีฟังก์ชันรองรับผู้สูงอายุหรือ Senior Home พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 31.5 ตารางเมตร และ 5) ตลาดสัตว์เลี้ยง ที่กำลังเติบโตตามเทรนด์ความนิยมเลี้ยงสัตว์เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว จะเน้นเจาะตลาดโรงพยาบาลสัตว์และบ้านสัตว์เลี้ยง ด้วยผลิตภัณฑ์ DIAMOND PET HOUSE

ขณะเดียวกัน จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดใน “กลุ่มหลังคา” ได้แก่ 1) Solar Mounting และ Solar Wiring อุปกรณ์ติดตั้งแผง Solar Cell บนหลังคา รองรับผลิตภัณฑ์หลังคาตราเพชรทุกรุ่น ออกแบบเพื่อป้องกันการรั่วซึมและมีช่องร้อยสายไฟ 2) กระเบื้องหลังคาเซรามิก Emerald ที่มีสีสวยมันวาว ป้องกันเชื้อราและสิ่งสกปรกได้ดี ช่วยลดความร้อนจากภายนอก 3) หลังคาเหล็กเคลือบหินภูเขาไฟ DECRA by DIAMOND รุ่นใหม่ ออกแบบให้ป้องกันการรั่วซึมได้ดียิ่งขึ้น และหลังคา DIAMOND STONE COATED METAL ROOF ที่เคลือบด้วยเม็ดหินจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสียูวีและลดเสียงกระทบจากฝนได้ดี ส่วนกลุ่ม “DIAMOND SPC SOLUTIONS” ผลิตภัณฑ์ SPC สำหรับงานพื้น ผนัง และบันได พร้อมบริการติดตั้งทั่วประเทศด้วยทีมช่างมืออาชีพและการรับประกัน ล่าสุด ได้ออกสินค้ารุ่นใหม่ DIAMOND LITE SPC และรุ่น PREMIUM ลาย HERRINGBONE RHYTHM รวมถึงผนัง SPC FAST PANEL สำหรับงานติดตั้งผนังภายในและผนังห้องน้ำด้วยระบบ Click Lock ป้องกันน้ำซึมใต้แผ่นผนัง

นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเริ่มดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 17 – 27 มีนาคม 2568 ที่ราคา 7.45 บาทต่อหุ้น จำนวน 43 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 5.03 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 320.35 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield)