FTREIT ประกาศผลงานไตรมาส 1/2568 รายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท

FTREIT ประกาศผลงานไตรมาส 1/2568 รายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท อวดอัตราการเช่าเฉลี่ยสุดแกร่ง 88.2% จ่อลงทุนซื้อทรัพย์สินเพิ่มดันพอร์ตโต

FTREIT เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีงบการเงิน 2568 (ต.ค. – ธ.ค. 2567) ทำรายได้รวม 1,033.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.7 ล้านบาท หรือ 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการลงทุนสุทธิ 686.1 ล้านบาท หรือเติบโต 7.7% เตรียมจ่ายปันผลไตรมาส 1/2568 อัตรา 0.1880 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 11 มี.ค. 2568 เล็งลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินจากสปอนเซอร์ และบุคคลนอกกลุ่ม

นายภูมภาร อรุณธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” กล่าวว่า ในไตรมาส 1/2568 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567) กองทรัสต์สร้างผลการดำเนินงานได้อย่างดีเยี่ยม เป็นผลจากความสามารถในการบริหารจัดการและสร้างอัตราการเช่าเฉลี่ยที่ 88.2% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 ที่มีการควบรวม 3 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้ากับกองทรัสต์ FTREIT (กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน – TFUND, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ – TLOGIS, กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท – TGROWTH) โดยอัตราการเช่าเฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีงบการเงิน 2567 (กรกฎาคม – กันยายน 2567) ซึ่งอยู่ที่ 85.9%

ทั้งนี้ มีแรงหนุนจากดีมานด์ของนักลงทุนที่ย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนมายังไทย ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์  ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์  เครื่องใช้ไฟฟ้า และโลจิสติกส์ เป็นต้น ส่งผลให้ตลาดโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ามีความคึกคัก ซึ่ง FTREIT ได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน และอีกปัจจัยมาจากพื้นที่เช่าของกองทรัสต์ที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพิ่มเติมในเดือนกันยายน 2567

ในปีนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอของกองทรัสต์ โดยเน้นเข้าลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพบนทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์หลักของประเทศ ทั้งจากสปอนเซอร์อย่างกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย และบุคคลนอกกลุ่ม

ด้านทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2568 ผู้จัดการกองทรัสต์คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวที่จะหนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้เป็นแรงบวกให้กับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะขับเคลื่อนความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เพิ่มสูงตามไปด้วย