PRM คาดกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งในปีนี้และปีหน้า

PRM คาดกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งในปีนี้และปีหน้า

โดย บล.ทิสโก้

แนวโน้มกําาไรยังสดใส ราคาหุ้นถูก คงคําแนะนํา “ซื้อ”
เรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มของ PRM เนื่องจากบริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องจาก การขยายกองเรือ บริษัทกําลังจะได้รับเรือเพิ่มอีก 3 ลําในเดือนธ.ค.นี้และอีก 2 ลําในปีหน้าซึ่งจะ ช่วยผลักดันให้กําไรปกติของบริษัทให้เติบโตทําสถิติสูงสุดทั้งในปีนี้และปีหน้า แม้ว่ากําไร 4024F น่าจะทรงตัว QoQ เนื่องจากเรือใหม่และเรือที่ไปดัดแปลงเป็น FSO จะเข้ามาปลายปีในขณะที่บริษัท เลื่อนนําเรือเข้าอู่ให้เร็วขึ้นจากปีหน้ามาเป็นปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามกําไรจะกลับมาเติบโตดีอีกครั้ง ตั้งแต่ 1025F เป็นต้นไป ในขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เนื่องจากที่ ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER ปี 2024-2025F ที่ 8.9x และ 7.1x เท่านั้น เราจึงยังคงคําแนะนํา ชื้อ

คาดกําไรปกติ 4024F ทรงตัว QoQ แต่ยังโต YoY เนื่องจากเร่งนําเรือเข้าอู่เร็วขึ้น
เราคาดกําไรปกติ 4024F จะทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย QoQ แต่ยังเติบโต YoY เนื่องจากบริษัทมีการ เร่งการเข้าอู่ของเรือ Offshore 1 ลําให้เร็วขึ้นจากปีหน้ามาเป็นช่วงธ.ค. – ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงมรสุม กิจกรรมของลูกค้าน้อย เพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการในปีหน้าซึ่งเป็นปีที่อัตราค่าบริการมีการปรับ สูงขึ้นได้อย่างเต็มที่ และจะมีเรือ VLCC 1 ลําเลื่อนเข้าอู่เร็วขึ้นพื่อหลบช่วงรอมฎอนในช่วงมี.ค.ปีหน้า (เรือเข้าอู่ที่ตะวันออกกลาง) อีกทั้งเรือ Aramax ที่ไปดัดแปลงเป็น FSO กว่าจะกลับเข้ามาให้บริการ ก็เป็นช่วงปลายไตรมาสแล้วคือวันที่ 25 ธ.ค. อย่างไรก็ตามบริษัทจะได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทที่ อ่อนค่าลงใน 40 ในส่วนของรายได้ที่เป็น US$ ประมาณ 40 ล้านเหรียญ รวมถึงเงินฝากสกุล US$ แม้การเร่งน่าเรือเข้าอู่จะส่งผลกระทบต่อกําไร 4024F แต่จะเป็นผลดีต่อกําไรใน 1025F และปี 2025F เนื่องจากจะทําให้มีเรือเข้าอู่ในปีหน้าเหลือ 20 จาก 26 ลําในปีนี้ อีกทั้งยังทําให้บริษัท สามารถให้บริการเรือ Offshore ในเรทค่าบริการที่สูงขึ้นในปีหน้าได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

แนวโน้มก้าไรเติบโต ตั้งแต่ 1025F และจะทําการสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2025F
บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนซื้อเรือใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งซื้อเรือ FSU ลําใหม่ขนาด 306,352 DWT ในวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีสัญญากับลูกค้าคือ ExxonMobil ที่สิงคโปร์เรียบร้อย แล้ว โดยคาดจะสามารถให้บริการและสร้างรายได้ในเดือนก.พ. ปีหน้า นอกจากนั้นบริษัทบริษัทจะ มีเรือ Hybrid crew boat เข้ามาอีก 2 ลําในกลางเดือนธ.ค.โดยจะให้บริการกับบริษัท Abu Dhabi National Oil Company (ADNOC) ซึ่งเป็นบริษัทน้ํามันที่ใหญ่เป็นอันดับ 12 ของโลกและใหญ่ที่สุดใน UAE ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ คือ ตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและขนาดใหญ่ กว่าประเทศไทยมาก เราคาดว่านี่จะเป็นโอกาสในการเติบโตในอนาคตของบริษัทรวมทั้งช่วยกระจายความเสี่ยงจากการการพึ่งพิงตลาดในประเทศเพียงที่เดียวอีกด้วย ส่วนเรือ Crew boat อีก 2 ลําที่จะเข้ามาในเดือนก.พ. และมิ.ย.ปีหน้าเพื่อให้บริการกับ PTTEP ยังเป็นไปตามแผน สรุปปัจจุบัน บริษัทมีเรือ 66 ล่าจะเพิ่มเป็น 69 ล่าสิ้นปีนี้ และเป็น 71 ลําในกลางปีหน้า เรือใหม่ๆเหล่านี้จะเป็น ตัวผลักดันรายได้และกําไรในปีหน้าให้เติบโตท่าสถิติสูงสุดใหม่ในปีหน้าต่อเนื่องจากการทําสถิติ สูงสุดใหม่ในปีนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะขายเรือ FSU เก่าออก 1 ลําในเดือนก.ย.เนื่องจาก เป็นเรือที่มีอายุมากแล้ว แต่หาก Demand FSU ในตอนนั้นดีมากบริษัทยังมีทางเลือกอื่น เช่น เลื่อน แผนการขายออกไปหรือทําการซ่อมบํารุงแทนการขาย (หากผลตอบแทนคุ้มค่ากว่า) ส่วนในปี 2026 จะมีเรือ Small tanker ที่บริษัทสั่งต่อใหม่ขนาด 2500 DWT 6 เข้ามา นอกจากนั้นบริษัท ยังมองหา Inorganic growth จากการท่า M&A ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาด้วย

คงคําแนะนําา ซื้อ โดยมีมูลค่าเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 10.80 บาท
เราปรับประมาณการ าไรปี 2024-26F ของเราลง 9.9%, 3.6% และ 2.8% เพื่อสะท้อน สถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งกําไรหลังปรับแล้วยังคงยืนยันความเห็นของเราที่คาดว่าบริษัทจะทํากําไร ปกติ New high ทั้งในปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้เรายังได้เปลี่ยนมูลค่าที่เหมาะสมไปอิงจาก 2025F PER ที่ 9 เท่า (คิดจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของหุ้น) จากเดิมคิดจาก 2024F PER ที่ 10 เท่า ทํา ให้ได้มูลค่าที่เหมาะสมใหม่ที่ 10.80 บาท (จากเดิม 10.70 บาท) คิดเป็น Upside จากราคาใน ปัจจุบันที 26% รวมถึงแนวโน้มกําไรที่ยังเติบโตดี เราจึงยังคงแนะนํา ซื้อ ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผัน ผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน

Share:

ข่าวล่าสุด

ค้นหาข่าวที่คุณสนใจ