PRM ลุ้นเข้าตา “วายุภักษ์” เข้าเกณฑ์ ESG Rating กลาง ธ.ค.นี้
เก็งหุ้น SET 100 ที่เข้าเรดาร์กองทุนวายุภักษ์หลังประกาศ ESG rating กลางเดือนธันวาคมนี้ นําโดย PRM QH และ M เป็นที่รู้ดีว่ากองทุนวายุภักษ์มีนโยบายในการลงทุนหลักทรัพย์เชิงรุกและเชิงรับ โดยมุ่งเน้นหุ้นที่มี ESG Rating และอัตราผลตอบแทนดี แถมยังมีนโยบายการจ่ายปันผลขั้นต่ําที่ 3% อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์มองหาอยู่ต้องมีหลักเกณฑ์การลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง กองทุนดังต่อไปนี้ 1) ราคาน่าจูงใจต่อการเข้าลงทุน P/E น้อยกว่า 15 เท่า 2) กําไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ 3) มีอัตราจ่ายปันผลที่สูง และอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าเงินทุนที่กองทุนวายุภักษ์เหลืออยู่จะนําไปลงทุนในหุ้นตัวไหน ซึ่งเก็งกันว่าหุ้นตัวใหม่ที่ กองทุนวายุภักษ์จะเลือกเข้าลงทุนในรอบใหม่นี้ จะต้องเป็นหุ้น SET 100 ที่ปัจจุบันยังไม่มี ESG Rating จึงทําให้ ไม่เข้าเงื่อนไขในการเข้าลงทุน แต่หากได้รับ ESG Rating ที่กําลังจะประกาศในกลางเดือนธันวาคม จะปลดล็อค เงื่อนไขให้กองทุนวายุภักษ์เข้าลงทุนได้ทันที
ซึ่งจากการเก็งมีหุ้น 3 ตัวที่ปัจจุบันอยู่ใน SET 100 และคาดว่าจะได้มีเฮหลังการประกาศ ESG Rating รอบนี้ ซึ่งมีคุณสมบัติทั้ง 3 ข้อ ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น นําโดย (1) บริษัท พริมา มารีน จํากัด (มหาชน) หรือ PRM (2) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน) หรือ QH และ (3) บริษัท เอ็มเค เรสโต รองต์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ M
PRM ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ราคา 9.0 บาท คิดเป็น P/E 8.7 เท่า และมีอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 5.6% โดยจ่ายปีละ 2 ครั้ง และมีกําไรเติบโตสม่ําเสมอ 3 ปีย้อนหลังโดยนักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 10.60 บาท หรือคิดเป็น upside อยู่ที่ 18%
ในฝากของ QH ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ราคา 1.84 บาท คิดเป็น P/E 8.6 เท่า และมีอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 8.2% โดยจ่ายปีละ 2 ครั้ง โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 2.00 บาท หรือคิดเป็น upside อยู่ที่ 9% ซึ่งก็เป็นหุ้นอีก รายนึงที่น่าจับตามองจากผลการดําเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสวนทางกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในช่วงขาลง
หุ้นตัวสุดท้ายได้แก่ M ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ราคา 25.75 บาท คิดเป็น P/E 14.6 เท่า และมีอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 6.3% โดยจ่ายปีละ 2 ครั้ง โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 30.9 บาท หรือคิดเป็น upside อยู่ที่ 20% ซึ่งถึงแม้ว่า ผลประกอบการในปี 2567 จะลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ดียังมีแรงหนุนจากโครงการซื้อหุ้นคืน