ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ รวมไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์
เมื่อคืนที่ผ่านมา Trump ได้เข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี เบื้องต้นสรุปได้ว่าประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานเพื่อลดราคาพลังงานในสหรัฐฯด้วยการ (1) เพิ่มขุดเจาะน้ำมันวางท่อน้ำมันและตั้งโรงกลั่นน้ำมัน (2) ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติชายแดนด้านใต้สหรัฐฯและส่งกำลังทหารเข้าปกป้องชายแดนเพื่อสกัดการลักลอบเข้าเมืองจากเม็กซิโก (3) ยกระบบการค้าสหรัฐฯด้วยการเก็บภาษีอากรจากประเทศต่างๆเพื่อสร้างความร่ำรวยต่อชาวอเมริกัน (4) ยกเลิกนโยบายส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนพบว่าทรัมป์กลับมาเน้นเจรจามากกว่าจะปรับภาษีโดยทันทีพร้อมส่งให้คณะทำงานศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนจะปฎิบัติใดๆกับการค้าจีน เป็นผลให้ Dollar Index อ่อนค่าแรงในเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมกับการแข็งค่าอย่างมีนัยยะของเงินบาท เช้านี้ทดสอบ 34.02 บาท / ดอลลาร์ ทั้งนี้ด้วยนโยบายการค้าที่ดูจะเบาบางลงจะเป็นบวกอย่างมากกับฝั่งหุ้นเอเชียและหุ้นไทยที่ก่อนหน้านักลงทุนกังวลกับการกีดกันการค้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่หากไม่มีผลกระทบจากสงครามการค้าจะยิ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจ นโยบายของ Trump จากเบื้องต้นแล้วอาจเปิดช่องให้ธนาคารกลางสหรัฐฯใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายที่มากกว่าเดิมจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่คลายตัวลง ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch เริ่มมองโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ถึง 2 ครั้งจากก่อนหน้าที่เพียง 1 ครั้ง สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ทรงตัว (-0.13 จุด , -0.01%) พร้อมกับการขายสุทธิของสถาบันราว 952 ล้านบาทและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพียง 445 ล้านบาท นับเป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างไม่มีนัยยะอาจเป็นเพราะว่ารอดูการแถลงของ Trump โดยสรุปหุ้นที่อาจรับผลกระทบเชิงลบได้แก่พลังงาน (PTTEP) แต่กลุ่มรับผลบวกได้แก่ ส่งออก (ITC TU) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (MTC SAWAD) และหากเศรษฐกิจจีนดีขึ้นจะเป็นบวกกับกลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC IVL) วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1335 – 1355 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยสะสมลงทุนระยะกลาง – ยาว จากระดับ Valuation ที่น่าสนใจเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC SAWAD) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB KKP)